จะทราบได้อย่างไรว่าวิตามินเสื่อมอายุแล้ว
โดยปกติเราสามารถดูได้จากวันหมดอายุที่ขวดเลยค่ะ เราไม่ควรทานวิตามินที่หมดอายุแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะเก็บดีขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่อเลยวันหมดอายุมาแล้ว นั่นก็หมายความว่า ประสิทธิภาพของวิตามินก็อาจลดลง ใช้ไม่ได้ผลเหมือนเดิม หรือบางทีอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ แต่บางทีหากเราเก็บไม่ดี ก็อาจทำให้วิตามินหรือยานั้นๆ เสื่อมคุณภาพเร็วกว่ากำหนดได้เช่นกัน วิธีการสังเกตง่ายๆ ได้แก่ สีของวิตามินหรือยาเปลี่ยนไป บางครั้งขนาดของเม็ดก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ มีจุดด่าง ขึ้นรา หรือผิวเคลือบร่อน เหนียว มีกลิ่นผิดไปจากเดิม ยาในแคปซูลพองออก หรือจับตัวกัน ในผงอาจมีเชื้อราปนเปื้อน เก็บรักษาวิตามินหรืออาหารเสริมอย่างไรให้ถูกต้อง อ่านคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ซึ่งมักจะแสดงวิธีการเก็บรักษาไว้อย่างละเอียด พยายามอย่าเก็บในที่ๆ มีแสงแดด วิธีการสังเกตง่ายๆ ได้แก่
- สีของวิตามินหรือยาเปลี่ยนไป บางครั้งขนาดของเม็ดก็อาจเปลี่ยนแปลงได้
- มีจุดด่าง ขึ้นรา หรือผิวเคลือบร่อน เหนียว
- มีกลิ่นผิดไปจากเดิม
- ยาในแคปซูลพองออก หรือจับตัวกัน ในผงอาจมีเชื้อราปนเปื้อน
เก็บรักษาวิตามินหรืออาหารเสริมอย่างไรให้ถูกต้อง
อ่านคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ซึ่งมักจะแสดงวิธีการเก็บรักษาไว้อย่างละเอียด
- พยายามอย่าเก็บในที่ๆ มีแสงแดด แสงจ้าตลอดเวลา หรือในที่ๆ มีอุณหภูมิสูง วิตามินบางชนิด เช่น วิตามิน บี ไวต่อแสงค่อนข้างมาก
- เก็บใส่ตู้เย็นเพื่อรักษาคุณภาพ
- เก็บวิตามินไว้ในภาชนะเดิม ยกเว้นมีคำแนะนำให้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์
ทิ้งวิตามิน อาหารเสริมที่หมดอายุแล้วอย่างไรให้เหมาะสม
การทิ้งวิตามินที่หมดอายุแล้ว ควรทิ้งให้เหมาะสม การทิ้งลงในชักโครกหรือทิ้งลงถังอาจทำให้วิตามินนี้ปนเปื้อนในน้ำจนอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ หรือหากมีสัตว์เลี้ยงหรือมีคนเก็บวิตามินไปทาน ก็อาจเกิดอันตรายต่อผู้อื่นได้ ดังนั้น การทิ้งให้ปลอดภัยที่สุด ควรจะทิ้งปนไปกับกากกาแฟ หรือไปกับทรายแมว แล้วค่อยใส่ภาชนะที่มีฝาปิดไปทิ้งถังขยะ